วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ระบบการหายใจ

                ระบบหายใจ มนุษย์ทุกคนต้องหายใจเพื่อมีชีวิตอยู่ การหายใจเข้า อากาศผ่านไปตามอวัยวะของระบบหายใจตามลำดับ ดังนี้


        
       1. จมูก (Nose) จมูกส่วนนอกเป็นส่วนที่ยื่นออกมาจากตรงกึ่งกลางของใบหน้ารูปร่างของจมูกมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมพีระมิด ฐานของรูปสามเหลี่ยมวางปะ ติดกับหน้าผากระหว่างตาสองข้าง สันจมูกหรือดั้งจมูก มีรูปร่างและขนาดต่างๆกัน ยื่นตั้งแต่ฐานออกมาข้างนอกและลงข้างล่างมาสุดที่ปลายจมูก อีกด้านหนึ่งของรูปสามเหลี่ยมห้อยติดกับริมฝีปากบนรู จมูกเปิดออกสู่ภายนกทางด้านนี้ รูจมูกทำหน้าที่เป็นทางผ่านของอากาศที่หายใจเข้าไปยังช่องจมูกและกรองฝุ่นละอองด้วย
     
        2. หลอดคอ
(Pharynx) เมื่ออากาศผ่านรูจมูกแล้วก็ผ่านเข้าสู่หลอดคอซึ่งเป็นหลอดตั้งตรงยาวประมาณยาวประมาณ 5" หลอดคอติดต่อทั้งช่องปากและช่องจมูก จึงแบ่งเป็นหลอดคอส่วนจมูก กับ หลอดคอ ส่วนปาก โดยมีเพดานอ่อนเป็นตัวแยกสองส่วนนี้ออกจากกัน โครงของหลอดคอประกอบด้วยกระดูกอ่อน 9 ชิ้นด้วยกัน ชิ้นที่ใหญ่ทีสุด คือกระดูกธัยรอยด์ ที่เราเรียกว่า "ลูกกระเดือก" ในผู้ชายเห็นได้ชัดกว่าผู้หญิง
      3. หลอดเสียง (Larynx) เป็นหลอดยาวประมาณ 4.5 cm ในผู้ชาย และ 3.5 cm ในผู้หญิง หลอดเสียงเจริญเติยโตขึ้นมาเรื่อยๆ ตามอายุ ในวัยเริ่มเป็นหนุ่มสาว หลอดเสียงเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในผู้ชาย เนื่องจากสายเสียง (Vocal cord) ซึ่งอยู่ภายในหลอดเสียงนี้ยาวและหนาขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป จึงทำให้เสียง แตกพร่า การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากฮอร์โมนของเพศชาย
      4. หลอดลม (Trachea) เป็นส่วนที่ต่ออกมาจากหลอดเสียง ยาวลงไปในทรวงอก ลักษณะรูปร่างของหลอดลมเป็นหลอดกลมๆ ประกอบด้วยกระดูกอ่อนรูปวงแหวน หรือรูปตัว U ซึ่งมีอยู่ 20 ชิ้น วางอยู่ทางด้านหลังของหลอดลม ช่องว่าง ระหว่างกระดูกอ่อนรูปตัว U ที่วางเรียงต่อกันมีเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อเรียบมายึดติดกัน การที่หลอดลมมีกระดูกอ่อนจึงทำให้เปิดอยู่ตลอดเวลา ไม่มีโอกาสที่จะแฟบเข้าหากันได้โดยแรงดันจากภายนอก จึงรับประกันได้ว่าอากาศเข้าได้ตลอดเวลา หลอดลม ส่วนที่ตรงกับกระดูกสันหลังช่วงอกแตกแขนงออกเป็นหลอดลมแขนงใหญ่ (Bronchi) ข้างซ้ายและขวา เมื่อเข้าสู่ปอดก็แตกแขนงเป็นหลอดลมเล็กในปอดหรือที่เรียกว่า หลอดลมฝอย (Bronchiole) และไปสุดที่ถุงลม (Aveolus) ซึ่งเป็นการที่อากาศอยู่ ใกล้กับเลือดในปอดมากที่สุด จึงเป็นบริเวณแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจน กับคาร์บอนไดออกไซด์
       5. ปอด (Lung) ปอดมีอยู่สองข้าง วางอยู่ในทรวงอก มีรูปร่างคล้ายกรวย มีปลายหรือยอดชี้ขึ้นไปข้างบนและไปสวมพอดีกับช่องเปิดแคบๆของทรวงอก ซึ่งช่องเปิดแคบๆนี้ประกอบขึ้นด้วยซี่โครงบนของกระดูกสันอกและกระดูกสันหลัง ฐานของปอดแต่ละข้างจะใหญ่และวางแนบสนิทกับกระบังลม ระหว่างปอด 2 ข้าง จะพบว่ามีหัวใจอยู่ ปอดข้างขวาจะโตกว่าปอดข้างซ้ายเล็กน้อย และมีอยู่ 3 ก้อน ส่วนข้างซ้ายมี 2 ก้อน หน้าที่ของปอดคือ การนำก๊าซ CO2 ออกจากเลือด และนำออกซิเจนเข้าสู่เลือด ปอดจึงมีรูปร่างใหญ่ มีลักษณะยืดหยุ่นคล้ายฟองนํ้า
       6. เยื่อหุ้มปอด (Pleura) เป็นเยื่อที่บางและละเอียดอ่อน เปียกชื้น และเป็นมันลื่น หุ้มผิวภายนอกของปอด เยื่อหุ้มนี้ ไม่เพียงคลุมปอดเท่านั้น ยังไปบุผิวหนังด้านในของทรวงอกอีก หรือกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่า เยื่อหุ้มปอดซึ่งมี 2 ชั้น ระหว่าง 2 ชั้นนี้มี ของเหลวอยู่นิดหน่อย เพื่อลดแรงเสียดสี ระหว่างเยื่อหุ้มมีโพรงว่าง เรียกว่าช่องระหว่างเยื่อหุ้มปอด

   

  
      กระบวนการในการหายใจ
          1. การสูดลมหายใจ เมื่อเราหายใจเข้า อากาศจากภายนอกร่างกายจะผ่านจมูกเข้าไปตามช่อง
จมูก อากาศจะถูกปรับอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสมกับร่างกายจึงจะผ่านหลอดลมลงเข้าในปอด มีการเปลี่ยนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากปอดสู่บรรยากาศ การหายใจเกิดจากการทำงานของอวัยวะ 2 ชนิด คือ กะบังลม และเนื้อยึดซี่ โครง กระบวนการหายใจ สรุปได้ดั้งนี้
         การหายใจเข้า การที่เราหายใจเข้า กระดูกซี่โครงเลื่อนสูงขึ้น กะบังลมลดตํ่าลง ทำให้ปริมาตรช่องอก มีมากขึ้น ความดันอากาศจะลดลง ทำให้ปริมาตรช่วงอกมีมากขึ้น ความดันอากาศลดลง
          การหายใจออก อากาศภายนอกเข้าสู่ปอด กระดูกซี่โครงเลื่อนตํ่าลง กะบังเลื่อนสูงขึ้น ทำให้ปริมาตร ในช่วงอกน้อยลง ความดันในอากาศภายในช่องอกสูงขึ้นอากาศภายในจึงออกจากปอดสู่บรรยากาศภาย นอกร่างกาย
            2. การแลกเปลี่ยนแก๊ส ระหว่างปอด กับ เลือด ปอดมีถุงลมเล็กๆ เป็นจำนวนมากซึ่งมีหลอดเลือดฝอย โดยเข้าไปรวมตัวกับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงจากนั้นจะไหลไปตามหลอดเลือดกลับเข้าสู่หัวใจ เพื่อให้หัวใจกลับไปสูบฉีดไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย
           3. การแลกเปลี่ยนแก๊สระหว่างเลือดกับ เซลล์ ขณะที่เลือดถูกลำเลียงไปตามหลอดเลือดนั้น ออกซิเจนในเลือดจะแพร่จากเซลล์เม็ดเลือดแดง เข้าสู่เซลล์ต่างๆ ของร่างกาย ในขณะที่ออกซิเจน เข้าสู่เซลล์นั้น คาร์บอนไดออกไซด์ ก็จะแพร่จากเซลล์สู่หลอดเลือดและละลายในนํ้าเลือดจากนั้นเลือดที่มีคาร์บอนไดออกไซด์ก็จะไหลกลับเข้าสู่หัวใจโดยทางหลอดเลือด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น